พื้นฐานในการเทรด Forex ตอนที่ 1

ในการเทรด Forex นั้นจะมีคำศัพท์เฉพาะทางที่ใช้กันมากมาย เยอะเสียจนบางท่านก็จำกันไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ผมจะบอกคือ ท่านไม่จำเป็นต้องจำให้ได้หมดทุกอย่าง แม้แต่คำศัพท์ที่ผมจะนำมาให้ท่านได้รับรู้ต่อไปจากนี้ด้วย ท่านก็ไม่จำเป็นต้องจำให้ได้หมด เพราะเราไม่ได้จำไปสอบ เราไม่ได้เรียนในห้องเรียน นี่คือชีวิตจริง มีทั้งการจำและจด เปิดอ่านทบทวนเมื่อหลงลืม ถึงเวลาใช้งานจำไม่ได้ก็เปิดที่จดไว้ดูเพื่อความถูกต้อง อย่าฝืนเดาเป็นอันขาด พลาดขึ้นมาจะลำบากนะครับ

1 คู่สกุลเงิน 1 ราคา

นี่เป็นสิ่งแรกที่ผู้เทรด Forex มือใหม่ต้องทำความรู้จักและเข้าใจกับคำนี้ ในการเทรด Forex นั้นเราจะหมายถึงอะไรสักอย่างที่เรียกว่า คู่สกุลเงิน มาจากภาษาอังกฤษว่า Currency Pair 

ราคาของสินค้าหรืออะไรก็ตามบนโลกใบนี้เมื่อพูดถึงเราจะเข้าใจได้ไม่ยาก เช่น ราคาของการซื้อขายน้ำมันที่แสดง เป็นราคาต่อบาร์เรล ในขณะเดียวกัน ราคาที่ใช้ในการซื้อขายทองคำก็เป็นราคาต่อออนซ์แต่การซื้อขาย Forex นั้น ราคาที่แสดง จะหมายถึง ราคาที่ใช้ซื้อขายค่าเงินที่แตกต่างกัน 2 สกุลเงิน หรือ 1 คู่สกุลเงิน อ่านแล้วหลายคนอาจจะสับสนบ้างเล็กน้อย ก็จะขออธิบายง่ายๆ ดังนี้

เมื่อเราทำการซื้อขายค่าเงิน ไม่ว่าจะซื้อหรือขายก็ตาม มันคือการซื้อหรือขายเงินสกุลหนึ่งด้วยเงินอีกสกุลหนึ่งที่จับคู่กันอยู่นั่นเอง ตัวอย่างเช่น เราทำการซื้อเงินสกุลดอลลาร์ เราก็ต้องซื้อด้วยเงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์ เพราะไม่สามารถซื้อได้ด้วยสกุลเงินเดียวกัน ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้เงินสกุลอื่นจำนวนหนึ่งในการซื้อดอลลาร์นี้

Currency Pair
Currency Pair


ในกรณีที่คุณมี เงินบาท อยู่ในมือ แล้วต้องการซื้อเงินสกุล ดอลลาร์ ด้วย เงินบาท ที่มีอยู่นั้น คู่สกุลเงินที่จะใช้แสดงในการซื้อขายคือ  สกุลที่ต้องการ/สกุลเงินที่ถืออยู่  กรณีนี้ก็จะเป็น ดอลลาร์/บาท หรือ USD/THB นั่นเอง

ถ้าราคาที่แสดงของ USD/THB เท่ากับ 35  จะหมายความว่า  เงิน 1 ดอลลาร์ ต้องซื้อด้วยเงินบาทจำนวน 35 บาท  แต่ถ้าราคาเปลี่ยนแปลง เช่น เปลี่ยนจาก 35 เป็น 30 นั่นหมายความว่า ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้น และเพราะเงินบาทแข็งค่า เงินดอลลาร์เมื่อจับคู่กับเงินบาทนี้ ก็จะบอกได้ว่า เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง  ด้วยสาเหตุและปัจจัยต่างๆมากมายที่ส่งผลให้ค่าเงินมีการผันผวนซึ่งผู้เทรด Forex ทั้งหลายควรจะได้ศึกษาเอาไว้บ้าง เพื่อประโยชน์ในการคาดการณ์ทิศทางค่าเงิน การวางแผนการซื้อขาย เป็นต้น

เป็นอย่างไรบ้างครับ พื้นฐานเรื่องแรกเยอะขนาดนี้ อย่าเพิ่งถอดใจหรือเบื่อหน่ายที่จะเรียนรู้พื้นฐานกันนะครับ ตึกสูงเสียดฟ้า มหาพีระมิด ล้วนตั้งอยู่บนฐานอันมั่นคงฉันใด การเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ขาดทุน ไม่เจ็บตัว ก็ต้องวางรากฐานให่มั่นคงเช่นกัน เรื่องต่อๆไปจะไม่ยาวขนาดนี้นะครับ 


โบรกเกอร์ Forex คืออะไร

เมื่อท่านนักลงทุนมีความต้องการเข้าลงทุนซื้อขายในตลาดซื้อขาย Forex คุณจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ โบรกเกอร์ ว่าโบรกเกอร์คืออะไร มีหน้าที่อะไร ทำงานอย่างไร เกี่ยวข้องกับผู้ลงทุนอย่างไร เป็นต้น และเพื่อให้เข้าใจคำว่า โบรกเกอร์ ได้ง่ายขึ้นให้คุณจินตนาการตามไปกับตัวอย่างที่ผมจะยกมาให้เข้าใจกันง่ายๆ ดังนี้

คุณเคยอยากกินแตงโมสักลูกไหม ถ้าเคยคุณจะไปซื้อที่ไหน แน่นอนว่าจะต้องเป็นตลาดใกล้บ้านที่เราคุ้นเคย สรุปในขั้นแรกนี้ว่า แตงโม คือสิ่งที่คุณต้องการซื้อ ตลาดคือสถานที่ที่คุณสามารถซื้อสิ่งที่ต้องการ เพราะว่า ตลาดเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้นำสิ่งที่คุณต้องการมาขาย

ในทางกลับกัน หากคุณต้องการขายแตงโม คุณต้องหาคนมาซื้อ ซึ่งสถานที่ที่มีผู้ซื้อที่มีความต้องการในสินค้าที่คุณต้องการขาย นั่นคือ ตลาด อีกเช่นกัน

ตลาดจึงเป็นสถานที่ซึ่งผู้ขายและผู้ซื้อมาพบกัน แต่เมื่อคุณไปในตลาดจะพบว่า สินค้าแต่ละอย่างไม่ได้ขายโดยผู้ผลิตหลายๆคน แต่สินค้าที่พวกเขาผลิตจะถูกขายผ่านร้านค้าหรือพ่อค้าคนกลางอีกทอดหนึ่ง



การซื้อขาย Forex ก็เหมือนกัน มีทั้งผู้ซื้อและผู้ขายที่ล้วนแล้วแต่มีความต้องการซื้อขายค่าเงินที่แตกต่างกันออกไป พวกเขาก็ต้องการสถานที่สักแห่งที่จะตอบสนองความต้องการซื้อขายค่าเงินเหล่านั้นของพวกเขาได้ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขายก็ตาม จึงเป็นที่มาของ โบรกเกอร์ ที่เข้ามาทำหน้าที่ตัวกลางในการซื้อขาย Forex เหมือนกับร้านค้าในตลาดนั่นเอง

หน้าที่ของโบรกเกอร์


โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้เทรด Forex กับตลาดซื้อขาย หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้ทำหน้าที่แสวงหาผู้ซื้อและผู้ขาย Forex ที่มีความต้องการเทรด Forex ในสกุลเงินที่ถูกต้องตรงกันแล้วจัดให้ทั้งสองส่วนมาพบกัน

การทำงานของโบรกเกอร์


ในกรณีปกติ เมื่อคุณต้องการซื้อหรือขายเงินสกุลหนึ่ง หากมีผู้แสดงความประสงค์ที่จะขายเป็นจำนวน มาก คุณนึกภาพออกหรือไม่ว่าต้องใช้เวลามากแค่ไหน เดินทางไกลแค่ไหน ถ้ามีผู้ต้องการเทรดให้คุณเป็นจำนวนพันๆคน ในหนึ่งวันคุณจะเทรดได้กี่รายการกันเชียว

บทบาทการทำงานของโบรกเกอร์จึงเป็นตัวกลางหรือนายหน้าที่รวบรวมสัญญาว่าจะซื้อ สัญญาว่าจะขาย และเงินของผู้ลงทุนที่ทำการตกลงซื้อขายไปเรียบร้อยแล้วในตลาด Forex จำนวนมาก แล้วทำการรับจ่ายเงินตามจำนวนที่ผู้เทรดได้ตกลงซื้อขายไป

โบรกเกอร์ Forex กับผู้ลงทุน


ในอดีตนั้น โบรกเกอร์ ในตลาดหุ้นจะติดต่อกับลูกค้าหรือผู้ลงทุนผ่านทางโทรศัพท์เป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันการติดต่อซื้อขายไม่ว่าจะเป็นหุ้นก็ไม่ต้องโทรติดต่อกับโบรกเกอร์อย่างเดียวอีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้องใหม่อย่าง Forex ที่แทบจะไม่ต้องโทรติดต่อกับโบรกเกอร์เลย เนื่องด้วยทั้ง การซื้อหายหุ้นและ Forex ในปัจจุบันนั้นมีการสร้างโปรแกรมสำหรับการซื้อขายขึ้นมาเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้เองทันที การตกลงซื้อขายในโปรแกรมนั้นก็มีกระบวนการเหมือนการที่เราตกลงเซ็นต์สัญญาว่าจะซื้อหรือขายค่าเงินในเวลานั้นๆ แต่จะขายตอนไหนก็แล้วแต่เราแต่สัญญาดังกล่าวจะยังคงอยู่จนกว่าเราจะปิดการเทรดล็อตนั้นๆ ซึ่งก็คือทำการซื้อหรือขายตามสัญญาว่าจะซื้อหรือขาย ส่วนจะได้กำไรหรือขาดทุนก็แล้วแต่ว่าเราสามารถคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินได้ถูกต้องหรือไม่


ข้อดีของการเทรด Forex หรือการซื้อขายค่าเงินออนไลน์

จากที่ได้รู้กันมาแล้วว่า Forex คืออะไร มีหลักการทำงาน ทำเงินอย่างไร คราวนี้เรามาดูซิว่า ทำไม Forex จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและแพร่หลายไปในทุกทวีปและแทบจะทุกประเทศแล้วในขณะนี้ แม้บางประเทศรวมถึงประเทศไทยเราจะยังไม่มีกฎหมายรองรับความถูกต้องของการลงทุนประเภทนี้ก็ตามที แต่ในประเทศระดับแถวหน้าของโลกนั้น เป็นที่ตั้งของที่ทำการของโบรกเกอร์ Forex หลายๆโบรกเกอร์ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อังกฤษ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดต้องจดทะเยียนและได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐบาลในประเทศนั้นๆด้วย

ข้อดีของการเทรด Forex หรือการซื้อขายค่าเงินออนไลน์


มีอยู่หลายประการ โดยสรุปโดยย่อได้ดังต่อไปนี้

1. ไม่ต้องเดินทางเข้า - ออก ธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อทำการแลกเปลี่ยนบ่อยๆ

2. ไม่ต้องกรอกเอกสารการซื้อขาย ไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องพกบัตร ไม่ต้องพกบัญชี

3. ซื้อขายได้ทุกที่ที่คุณสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้

4. มีโปรแกรมรองรับทั้ง PC และอุปกรณ์พกพา ทั้ง Notebook PC, Tablet, Smartphone

5. โปรแกรมมีระบบชาร์ตหรือกราฟ แสดงข้อมูลราคาอัตราแลกเปลี่ยนย้อนหลังให้เลือกหลายช่วงเวลา



6. ตลาด Forex เปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงของทุกวันทำการปกติ (จันทร์ - ศุกร์)

7. การเปิดบัญชีเทรด Forex ของแต่ละโบรกเกอร์ใช้เงินทุนต่ำ โดยส่วนมากเริ่มที่ 100 ดอลลาร์ แต่ก็มีโบรกเกอร์หลายรายที่เปิดบัญชีได้ด้วยทุนที่ต่ำกว่านั้น ยิ่งในปัจจุบันต่างแข่งขันกันดึงดูดใจลูกค้าด้วยการให้เงินลงทุนเริ่มต้นฟรีๆ มากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 10 ดอลลาร์ขึ้นไป บางรายให้ถึง 100 ยูโร

8. แม้ว่า Forex จะไม่ได้ช่วยให้คุณร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน แต่ก็สามารถเป็นรายได้เสริมควบคู่ไปกับรายได้หลักจากการทำงานประจำได้ จะมากบ้างน้อยบ้างก็ต่างกันไปแต่ละรายตามเวลาที่แต่ละคนจะมีให้กับการเทรด

9. สามารถทำเป็นธุรกิจ หรือ กิจการได้ หากมองเห็นช่องทาง เช่น การรวมตัวกันของกลุ่มผู้ลงทุนที่ต่างเชี่ยวชาญการเทรดกันในแต่ละคาบเวลา โดยลงทุนร่วมกัน ช่วยกันเทรดในคาบเวลาที่แต่ละคนถนัด แล้วนำกำไรมาแบ่งปันกัน

Forex คืออะไร อะไรคือการเทรด Forex

ถ้าคุณเคยไปต่างประเทศ คุณย่อมเคยแลกเปลี่ยนเงินจากสกุลเงินหนึ่งไปเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งที่แตกต่างออกไป นั่นคือคุณได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตลาด Forex ซึ่งเป็นคำย่อที่มาจากคำเต็มๆว่า Foreign Exchange และอาจเรียกได้อีกหลายอย่างเช่น FX หรือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศก็ได้

การเทรด Forex โดยสังเขป

การทำความเข้าใจว่าการเทรด Forex คืออะไรนั้น ให้คิดถึงการแลกเงินต่างสกุลเมื่อคุณไปต่างประเทศ กับการที่บริษัทต่างๆอาศัยความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศในช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศในราคาที่ดี ซึ่งแตกต่างจากการแลกของบุคคลทั่วไปคือบริษัทจะมีจำนวนเงินที่ทำการแลกเปลี่ยนในจำนวนมากนั่งเอง 

ด้วยการที่มีการแลกเปลี่ยนเงินต่างสกุลเงินเช่นนี้ทั่วโลกอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีกระบวนการ ดังนี้



การซื้อขายForex ก็เหมือนกับการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ

เมื่อมีการแลกเปลี่ยนเงินจะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของ ราคาและอัตราแลกเปลี่ยน เหมือนกับราคาสินค้าทุกอย่างในโลกใบนี้ที่การเปลี่ยนแปลงของราคาจะถูกกำหนดโดยอัตโนมัติจากอุปสงค์และอุปทาน 
หากความต้องการสกุลเงินหนึ่งสกุลใดมีเพิ่มสูงขึ้น เช่น ผู้คนจำนวนมากหรือบริษัทต่างๆต้องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินในประเทศที่ถือครองอยู่ไปเป็นเงินสกุลอื่น เช่น ยูโร ค่าเงินยูโรจะเพิ่มขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆจะมีการเแลี่ยนแปลง ซึ่งหลักการเหล่านี้คือที่มาของการทำกำไรในตลาด Forex

สมมุติว่าคุณจะไปเที่ยวสหรัฐอเมริกา จึงทำการแลกเงินบาทเป็นดอลลาร์เพื่อใช้จ่าย โดยอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้นอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ : 35 บาท จำนวน 140,000 บาท ได้รับมา 4,000 ดอลลาร์ หลังจากนั้นสองสัปดาห์กลับมาประเทศไทยเหลือเงิน 1,000 ดอลลาร์จึงทำการแลกกลับเป็นเงินบาทโดยอัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ : 40 บาท คิดเป็น 40,000 บาท แต่หากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เหมือนสองสัปดาห์ก่อน คุณจะได้เพียง 35,000 บาท 

นั่นคือส่วนต่างที่เกิดจากผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีนี้คือ ความต้องการเงินสกุลดอลลาร์เพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เมื่อความต้องการ(อุปสงค์)เพิ่มขึ้น ราคาของค่าเงิน(อุปทาน)จึงเพิ่มขึ้นด้วย

เป้าหมายของการเทรด Forex คือ การทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน

อธบายง่ายๆ คือ เมื่อเทียบค่าเงินสองสกุลจะได้ อัตราแลกเปลี่ยน เช่น เงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ประมาณ 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ  เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งหากราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย เราจะแลกเงินกลับเป็นเงินบาทได้ 30 บาทเท่าเดิม แต่หากว่าอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเป็น 35 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เราจะได้กำไร 5 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ 

การเทรด Forex และการซื้อขายค่าเงิน ก็คือ การใช้เงินที่เรามีอยู่ไม่ว่าจะสกุลใดก็ตามไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลใดๆก็ตาม แล้วถือครองไว้ระยะเวลาหนึ่งจนอัตราแลกเปลี่ยนปรับตัวไปในทิศทางที่ทำกำไรได้จนเป็นที่น่าพอใจ จึงทำการแลกเปลี่ยนกลับเป็นสกุุลเงินที่เราใช้แลกเปลี่ยนมานั่นเอง


ทดลองเทรด Forex ด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account)

ทำไมต้องทดลองเทรดด้วย Demo Account

มีเหตุผลหลายประการที่ผู้เทรด Forex รายใหม่ควรจะทดลองซ้อมเทรดเสียก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สนามจริง แต่เหตุผลหลักที่ผมแนะนำให้ซ้อมเทรดด้วย Demo Account มีดังนี้

สามารถและทดลองเทรดโดยไม่เสียเงิน

บัญชี Demo Account เป็นรูปแบบบัญชีผู้ใช้งานที่จะถูกจัดให้อยู่ในเซิร์ฟเวอร์ทดลอง ซึ่งบัญชีผู้ใช้ดังกล่าวจะไม่เกี่ยวข้องใดๆกับบัญชีผู้ใช้แบบทดลอง ทั้งข้อมูลการฝาก/ถอนเงิน ข้อมูลบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต ยอดเงินที่เทรดได้ในบัญชีจริง

บัญชีผู้ใช้งานแบบทดลองนี้ จะใช้เงินสมมติที่ทางโบรกเกอร์ให้มาเมื่อเปิดใช้งาน เงินนี้ผู้ใช้สามารถเทรดได้ในเซิร์ฟเวอร์ทดลองเท่านั้น ไม่สามารถฝากเงินเข้ามาหรือถอนออกไปได้ แต่จะมีส่วนที่เหมือนกับเซิร์ฟเวอร์ที่เราจะเทรดจริงๆคือ ทั้งข้อมูล เวลา การซื้อขาย ความเคลื่อนไหวของตลาด เครื่องมือ ตัวชี้วัด ทั้งหลายเหล่านี้ ท่านสามารถใช้งานได้เหมือนจริงทุกประการโดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินฝากเข้ามาจริงๆ


ทดสอบตัวชี้วัด(Indicator) ตัวช่วยแนะนำ(Expert Adviser) สัญญาณการซื้อขาย(Signal)

โบรกเกอร์แต่ละรายจะมีโปรแกรมที่จะใช้เพื่อให้ผู้ลงทุนซื้อขาย Forex ได้ผ่านโปรแกรมนั้นๆเท่านั้น ซึ่งโปรแกรมบางตัวก็มีโบรกเกอร์หลายรายใช้เหมือนๆกัน และโปรแกรมเหล่านี้ก็มีความสามารถในการที่จะให้เราสร้างตัวสอบตัวชี้วัด(Indicator) ตัวช่วยแนะนำ(Expert Adviser) สัญญาณการซื้อขาย(Signal) ได้เมื่อเราพบว่าการตั้งค่าต่างๆในตัวช่วยเหล่านั้นทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น ดีขึ้น ถูกต้องขึ้น เราสามารถสร้างชุดข้อมูลนั้นได้ และสามารถแบ่งปันให้ผู้อื่นได้เช่นกัน  

แต่ในฐานะมือใหม่ ไม่มีความสามารถมากพอ แต่ก็มีมืออาชีพหลายคนที่สร้างไว้และแบ่งปันให้เราใช้ ซึ่งเราสามารถดาวน์โหลดมาเพิ่มเข้าไปและเรียกใช้ในโปรแกรมได้  แน่นอนว่า ตัวช่วยแต่ละตัวที่เราจะเอาไปใช้งานจริงก็ต้องทดสอบก่อนว่าดีจริงหรือไม่และทำความเข้าใจการทำงานและการแสดงผลของตัวช่วยนั้นๆเสียก่อน ถ้าเอาไปใช้จริงทันที อะไรจะเกิดขึ้นถ้า เราใช้ผิดช่วงเวลา ตีความหมายที่ตัวช่วยแสดงผลอกมาให้ผิด 

เรียนรู้เพื่อเปรียบเทียบโบรกเกอร์ Forex แต่ละราย

โบรกเกอร์แต่ละรายก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้ลงทุนควรจะเปรียบเทียบก่อนที่จะเลือกโบรกเกอร์ืี่เราพอใจและตรงใจเรามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาโปรแกรม ความเสถียรของโปรแกรม ความเข้ากันได้ของโปรแกรมกับตัวช่วย รูปแบบของชาร์ต ชนิดและจำนวนหน่วยลงทุนที่รองรับ 

ตัวอย่างโบรกเกอร์ Forex ที่มีระบบ Demo Acount


เวลากับการการลงทุนในตลาด FOREX

เวลากับการการลงทุนในตลาด FOREX

ต้องใช้เวลามากแค่ไหน

เป็นคำถามยอดนิยมที่ให้คำตอบได้ยากอีกคำถามหนึ่ง แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีภารกิจ การงาน กิจกรรมที่ชื่นชอบอยู่ทุกคนทุกท่าน ไม่ว่าจะ อ่านหนังสือ ดูหนัง เล่นกีฬา ดังนั้นจึงต้องการรู้ว่าเวลาที่ต้องใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้นต้องใช้เวลามากน้อยเพียงใด และคำตอบที่คาดหวังนั่นคือว่า ใช้เวลาเพียงน้อยนิด แต่อยากให้ตระหนักกันไว้แต่เริ่มต้นนี้ว่า ทุกคนไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนๆกัน ในเวลาที่เท่ากัน อันเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่าทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้และทำความเข้าใจที่แตกต่างกันนั่นเอง และจุดมุ่งหมายในแต่ละระดับก็จำเป็นต้องใช้เวลาที่แตกต่างกันอีกด้วย

ดังนั้นจึงตอบอย่างชัดเจนฟันธงให้ไม่ได้ว่า แต่ละคนจะต้องใช้เวลามากน้อยเพียงใด แต่มีข้อแนะนำให้กับทุกคนที่สนใจจะเอาจริงเอาจังกับการลงทุนในตลาด FOREX ซึ่งจะช่วยปูพื้นฐานที่จำเป็นให้มั่นคงแข็งแรงเสียก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดอย่างจริงจังต่อไป

เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนในตลาด FOREX 

เมื่อมีข้อสงสัย มีตัวช่วย 2 ทางที่จะสามารถช่วยคุณได้ในเบื้องต้น ด้วยตนเอง คือ

1. ควรจะเป็นสมาชิกของเว็บไซต์เกี่ยวกับ FOREX ที่มีการะดานสนทนา / เว็บบอร์ด / ฟอรั่ม เพราะเมื่อมีข้อสงสัยสามารถโพสต์ข้อสงสัยเหล่านั้นของคุณได้และหากเว็บไซต์ที่คุณเป็นสมาชิกอยู่นั้นเป็นระดับมืออาชีพด้วยแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีผู้รู้จริงเป็นสมาชิก ผู้ดูแลเว็บบอร์ด แม้กระทั่งอาจเป็นเจ้าของเสียด้วยซ้ำ มาตอบคำถามให้คำแนะนำ 

2. หาเว็บไซต์ดีๆสักแห่งที่มีบทความในส่วนที่เรากำลังศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการลงทุน FOREX  ยิ่งมีวิดีโอประกอบด้วยยิ่งดีมาก เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ทั้งยังเป็นเครื่องมือตรวจสอบและวัดระดับความรู้ความเข้าใจของคุณไปพร้อมกัน

แต่ถ้าหากคุฯต้องการรู้มากไปกว่าคำถามพื้นฐานทั่วไปและมีความซับซ้อนขึ้น จำเป็นที่ต้องอุทิศเวลาในการเรียนรู้ให้มากขึ้นและอาจจะต้องควบคู่ไปพร้อมกับการฝึกปฏิบัติไปพร้อมกันด้วย ลองดูกรณีศึกษาเหล่านี้เป็นตัวอย่าง


ต้องการความรู้พื้นฐานที่ดีเกี่ยวกับการเงิน

กรณีนี้ มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ผู้ลงทุนต้องการความรู้ทางการลงทุนที่จะช่วยในการตัดสินใจอย่างรอบคอบด้วยตัวเอง เพราะไม่มีที่ปรึกษาทางการเงินที่มักจะมีค่าจ้างที่สูง คุณควรจะใช้เวลาประมาณวันละ 30 นาทีในการพูดคุยสอบถามในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ชั้นนำก็เพียงพอ

ต้องการที่จะจัดการพอร์ตการลงทุนด้วยตัวเอง


หากต้องการจัดการพอร์ตการลงทุนด้วยตัวเอง อาจจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการศึกษาเกี่ยวกับการสร้างและจัดการพอร์ดการลงทุนของตัวเองว่าจะประกอบด้วยการลงทุนประเภทใดบ้าง เช่น หุ้น พันธบัตร สินทรัพย์ กองทุน เป็นต้น รวมถึงต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชนิดการลงทุน การเลือก เครื่องมือจัดการ วิธีผสมผสานการลงทุน การกระจายเงินลงทุน รวมไปถึงประเภทและวิธีจัดการกับความเสี่ยงในการลงทุนทั้งหมดด้วย

ต้องการเป็นผู้ลงทุนทำกำไรระยะสั้นและระยะกลาง


การเป็นผู้ทำกำไรระยะสั้นและระยะกลางแตกต่างอย่างมากกับผู้ลงทุนทำกำไรระยะยาวที่ใช้วิธีการซื้อแล้วถือครองไว้ทำกำไร คุณอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเรียรรู้การอ่านกราฟและแผนภูมิ ตัวชี้วัด (Indicator) การตัดสินใจและกลยุทธ์ที่เหมาะสม อีกทั้งยังต้องมีพื้นฐานทักษะการจัดการการเงินและกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่แข็งแกร่งอีกด้วย

อาจจะดูยาก แต่จำไว้ว่าผู้ลงทุนที่ดีไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง ในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยพัฒนาทักษะของคุณให้กลายเป็นมืออาชีพได้ไม่ยาก อีกทั้งปัจจุบันการลงทุนในตลาด FOREX ก็ยังสามารถทดลองฝึกการเทรดได้อีกด้วย ซึ่งช่วยได้มากในกรณีที่ยังไม่พร้อมที่จะลงไปในตลาดจริง

เวลาที่เสียไปกับการเรียนรู้มีคุณค่าเสมอ


ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร ผมสามารถบอกได้อย่างหนึ่งว่า จะเป็นการดีกว่าเสมอหากคุณได้รับการศึกษาและมีความสามารถในการตัดสินใจที่มีคุณภาพ มากกว่าที่จะสุ่มสี่สุ่มห้าพึ่งพาคำแนะนำที่ได้รับจากคนอื่นๆ หรือใช้เครื่องมือต่างๆในการตัดสินใจทั้งที่ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเงินและการลงทุนในปัจจุบันที่ซับซ้อนและคาดการณ์ได้ยากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
 


รายได้จากการลงทุนในตลาด FOREX

รายได้จากการลงทุนในตลาด FOREX

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนเสียก่อนว่าเรากำลังพูดกันถึงการเทรดแบบรายวัน (Day Trading) ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนตลาดหุ้นที่ใช้การซื้อทิ้งไว้ทำกำไรในระยะยาว เพราะฉะนั้นถ้ามีใครสักคนแนะนำให้ลงทุนในกองทุนระยะยาวสักแห่งที่อ้างว่ารับประกันการทำกำไร 20 % ต่อปี ให้ระวังให้จงหนัก  อาจจะมีบ้างที่มีกองทุนชั้นนำที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้นที่แม้ว่าในปีนั้นๆจะเศรษฐกิจย่ำแย่ก็ตามที แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้นบ่อยๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วส่วนใหญ่ก็เป็นกองทุนขนาดใหญ่ลำดับต้นๆเท่านั้น แน่นอนว่ามูลค่าของหน่วยลงทุนก็แพงตามไปด้วย

ยกตัวอย่าง กรณีการลงทุนในตลาดหุ้น เริ่มต้นลงทุน 10,000 บาทในปี 2535 หากตลาดหุ้นโตขึ้น 1,000% ในปัจจุบันมูลค่าของหน่วยลงทุนที่ถือไว้จะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 บาท โดยเฉลี่ยเติบโต 45% ต่อปี

FOREX ดีกว่าอย่างไร

การเทรด Forex นั้นเป็นการเทรดแบบ Day Trading คือ ใน 1 วันผู้ลงทุนจะทำการเทรดหลายครั้งกว่าการซื้อขายหุ้นมาก บางรายอาจทำการเทรดมากกว่า 10,000 ครั้งต่อปี ซึ่งการเทรดแต่ละครั้ง ซึ่งการเทรดแต่ละครั้งผูลงทุนอาจจะได้กำไรไม่มากต่อการเทรด 1 ครั้ง แต่กำไรดังกล่าวอาจจะมีมูลค่า 50 % - 150 % ของการลงทุนในแต่ละครั้งก็เป็นได้

ให้ลองจินตนาการถึงพ่อค้าแม่ค้าที่บางวันก็ได้กำไร บางวันก็ขาดทุน แต่ใน 365 วันนั้นมีจำนวนวันที่ได้กำไรมากกว่าวันที่ขาดทุน กำไรที่ทำได้ต่อปีอาจมากกว่า 100% หมายความว่าในปีถัดไปเขาสามารถลงทุนด้วยจำนวนที่มากขึ้นอันนำมาซึ่งผลกำไรที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว


จริงหรือเปล่าที่มีคนบอกว่า "ได้กำไร 10% ทุกเดือน" 

คำตอบคือ  เป็นไปได้

ในความเป็นจริงมีผู้ลงทุนบางท่านทำได้มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้เท่านี้ทุกเดือน บางเดือนอาจจะได้กำไร บางเดือนอาจขาดทุน ซึ่งในแต่ละเดือนก็มีปัจจัยที่กระทบต่อตลาดทั้งด้านบวกและลบแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นกำไรที่พูดถึงจึงหมายถึง กำไรโดยเฉลี่ย ทุกคนล้วนต้องมีเดือนที่ขาดทุนบ้าง และนั่นเป็นความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนแต่ละคนต้องหาวิธีจัดการ

ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า


มีผู้รู้บอกว่า "การซื้อขายหุ้นไม่ควรเล่นหลายเทรนด์ย่อยๆ แต่ให้ซื้อเทรนด์ใหญ่และถือไว้ทำกำไรในระยะยาว"  สาเหตุมาจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต้องจ่ายให้โบรกเกอร์นั้นสูงมาก แตกต่างจากการซื้อขาย FOREX ที่บรรดาโบรกเกอร์แต่ละรายจะแย่งลูกค้ากันด้วยการแข่งขันกันลดราคาค่าธรรมเนียมซื้อขายเพื่อดึงดูดความสนใจให้มาใช้บริการของตนเอง

Popular Posts

Like us on Facebook

Flickr Images