คำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (Pending Order) ตอนที่ 2
14:50Sell Limit และ Buy Limit
ในบทที่แล้วเราได้รู้จักกับ 2 คำสั่งแรกของ Pending Order ไปแล้วคือ Sell Stop และ Buy Stop ซึ่งคำสั่งทั้งสองนั้นเปรียบง่ายๆเหมือนกับป้ายรถประจำทาง (Bus Stop) นั่นเอง คือเราต้องการจะขึ้นรถที่จุดๆนั้นเพื่อไปต่อ แตกต่างกับอีกสองคำสั่งคือSell Limit และ Buy Limit ที่หลักการทำงานต่างกัน ไม่สามารถเปรียบได้กับสิ่งใดๆ แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยากเพราะแตกต่างกับ 2 คำสั่งแรกแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น
Sell Limit และ Buy Limit เป็นคำสั่งที่ใชำกำหนดจุดที่จะซื้อหรือขาย (Trade) ไว้ล่วงหน้า โดยที่จุดที่จะกำหนดนั้นมีหลักคิดที่สำคัญคือการกลับตัวของทิศทางตลาด และการคาดการณ์ถึงราคาที่จุดต่ำสุดและสูงสุดที่น่าจะเป็น แล้วใช้ทั้งสองอย่างมาช่วยกำหนดจุดเทรดด้วย Sell Limit และ Buy Limit โดยจะขอแยกอธิบายดังนี้
1. Sell Limit คือ คำสั่งที่ใช้กับเทรนด์ขาลง โดยจุดที่ใช้คำสั่งคือจุดที่คาดว่า ราคาจะลดลงมาถึงจุดนั้น และจะไม่ลดลงไปต่ำกว่านั้น หรือถ้าลดต่อไปก็ไม่มากจนเกินไป และก็คาดว่าเมื่อราคามาถึงจุดนั้นแล้วจะมีการกลับตัวเป็นเทรนด์ขาขึ้น นั่นคือกำไรที่เราจะได้รับนั่นเอง
2. Buy Limit เป็นคำสั่งที่ใช้ในเทรนด์ขาขึ้น และกำลังจะถึงจุดสูงสุดของเทรนด์นั้นๆเมื่อคาดการณ์ว่า ณ จุดใดจุดหนึ่ง น่าจะเป็นจุดที่ราคาสูงที่สุดแล้ว เราก็กำหนดคำสั่ง Buy Limit ไว้เมื่อทิศทางตลาดพาราคาไปถึงแล้วหากมีการกลับตัวอย่างที่คาดการณ์ เราก็จะได้กำไรจากการกลับตัวนั้นเช่นเดียวกับ Sell Limit
ข้อดีของ Sell Limit และ Buy Limit
ข้อดีคือหากการคาดการณ์ของนักลงทุน (Trader) นั้นถูกต้องแม่นยำ กำไรที่ได้จะได้รับมากเพราะจุดที่ทำการเทรด จะเป็นจุดสุดท้ายของเทรนด์ (trend) หนึ่งและจะเป็นจุดเริ่มต้นอีกเทรนด์หนึ่ง ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้ลงทุนได้กำไรในลักษณะ long trend คือกำไรระยะช่วงยาวๆ
ข้อเสียของSell Limit และ Buy Limit
ข้อเสียที่เด่นชัดคือ ความเสี่ยง ที่ราคาอาจจะไปต่อซึ่งผลก็คือการขาดทุน ยิ่งราคาไหลไปไกลมากเท่าไหร่ ผู้ลง.ุก็ขาดทุนมากตามไปด้วยเช่นกัน
ในตลาด Forex นั้น ยิ่งอยากได้ผลตอบแทนมาก นักลงทุนก็จำเป็นต้องยอมรับความเสี่ยงนั้นไว้ด้วยในการเทรดแต่ละครั้ง แต่หากผู้ลงทุนไม่ต้องการความเสี่ยงในระดับสูงก็สามารถทำกำไรได้เพียงแต่จะได้น้อยและนานกว่าความเสี่ยงในการลงทุนระดับสูงๆ
0 blogger